นอกจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดย สำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ ให้การส่งเสริมและสนับสนุนแล้ว การแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์ประเทศไทย ถือเป็นสนามประลองความเร็วสุดมันและเร้าใจ ที่กกท. ร่วมกับสมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย ผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
.
เป้าหมายอยู่ที่การได้เห็นการยกระดับและพัฒนาทักษะของนักกีฬาในทุกรุ่นอายุ ตลอดจนต้องการสร้างโอกาสแข่งขันบนเวทีอาชีพให้กับเหล่านักบิดทางฝุ่นที่มีหัวใจรักการแข่งขันโมโตครอส
.
การมีทัวร์นาเมนต์แข่งขันที่ได้มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอในระดับอาชีพ ถือเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนให้โมโตครอสไทยได้เติบโต ที่สำคัญยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความคึกให้กับจังหวัดต่าง ๆในช่วงของการเป็นเจ้าภาพแต่ละสนามด้วย
.
การแข่งขันในปี 2568 ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีนักกีฬาหลายคนที่ทำผลงานโดดเด่นบนเวทีโมโตครอสชิงแชมป์ประเทศไทย
.
หนึ่งในนั้น “นีโม่” จิรัฎฐ์ วรรณลักษณ์ ถือเป็นนักบิดที่ประสบความสำเร็จที่สุดกับการแข่งขันในฤดูกาลนี้ เจ้าตัวคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งในรุ่นพรีเมียร์ MX1 450 ซีซี. ซึ่งเป็นรุ่นไฮไลต์ของการแข่งขัน รวมถึงยังได้แชมป์ในรุ่น MX2 PRO
.
ผลงานอันยอดเยี่ยมครั้งนี้ ทำให้หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า เจ้าตัวที่เพิ่งจะอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น จะสานต่อความยอดเยี่ยม พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการบิดทางฝุ่นในประเทศไทยอย่างแน่นอน
.
ที่สำคัญมีโอกาสจะไปได้ไกลในการแข่งขันระดับโลก ซึ่งระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2568 เจ้าตัวจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันโมโตครอสรายการใหญ่ที่สุดในโลก อย่างศึก FIM Motocross of Nations World Championship ที่สนามไอรอนแมน เรซเวย์ เมืองอินเดียนาโพลิส สหรัฐอเมริกา ด้วย
.
นอกจาก จิรัฎฐ์ แล้ว ดาวรุ่งอย่าง “โอ๊ต“ ธนวัฒน์ มีผิว ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในอีเวนต์ 85BW และ 88SW โดยทำสถิติ 14 วินเนอร์ 19 โพเดี้ยม ขณะเดียวกัน ”กัน“ สิรภัทร สาครมณีแสงชัย ยังโชว์ฟอร์มบิดคว้าแชมป์รุ่น 50 ซีซี. รุ่นอายุไม่เกิน 7 ปี ไปครอง และยังมีอีกหลายคนที่สร้างผลงานได้ดี และพร้อมจะก้าวขึ้นมาทำผลงานในการแข่งขันครั้งถัดไป